เทคโนโลยีการสื่อสาร
เทคโนโลยีมีการสื่อสาร
เทคโนโลยีมีผลต่อการดำรงชีวิตในปัจจุบัน
สังคมเครือข่าย เป็นสังคมที่เกิดขึ้นบนโลกไซเบอร์ ซึ่งมีความกว้างใหญ่ไพศาล ไม่สิ้นสุด ซึ่งสังคมที่เกิดขึ้น ก็คือ เครือข่ายหนึ่งของโลก ที่เชื่อมโยงเข้าด้วยกันในรูปแบบเฉพาะเจาะจง เช่น ทางด้านความคิด เงินทอง มิตรภาพ การค้า ซึ่งอธิบายได้ว่า สังคมเครือข่าย ก็คือ แผนผังความเกี่ยวข้อง ที่มาจากความสนใจในรูปแบบต่างๆ กัน มารวมเข้าไว้ด้วยกัน เช่น กลุ่มเพื่อนสมัยอนุบาล เพื่อนประถม กลุ่มคนรักกล้อง กลุ่มคนที่สะสมตุ๊กตา กลุ่มแฟนคลับของศิลปินเกาหลี เป็นต้น โดยมี Website ที่ได้รับความนิยม และเป็นที่รู้จักกันดี เป็นตัวกลางเชื่อมต่อความชอบของคนแต่ละกลุ่มเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งเป็นแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงใหม่ทางสังคมโลก เทคโนโลยี สารสนเทศทำให้การกระจายข้อมูลข่าวสารเป็นไปอย่างรวดเร็ว และมีลักษณะการกระจายแบบทุกทิศทาง และมีระบบตอบสนองอย่างรวดเร็ว และยังสื่อสารแบบสองทิศทาง ด้วยเหตุนี้ผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมจึงแตกต่างจากในอดีตมาก ดังจะเห็นได้จากวิกฤตการณ์ทางด้านเศรษฐกิจจากประเทศหนึ่งมีผลกระทบต่อประเทศอื่น ๆ อย่างรวดเร็วและกว้างขวาง ผลของความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศทำให้เกิดแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญหลายด้าน แนวโน้มที่สำคัญที่เกิดจากเทคโนโลยีที่สำคัญและเป็นที่กล่าวถึงกันมาก มีหลายประการ
ประเทศ เทคโนโลยีบางเรื่องเหมาะสมกับบางประเทศ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาวะของแต่ละประเทศ
โกโก้ให้ต่างประเทศแล้วนำไปผลิตเป็นช็อคโกแลต หากตั้งโรงงานในประเทศไทยต้องใช้เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในการพัฒนาการแปรรูป
ว่าเหมาะสมกับอะไรต่อเศรษฐกิจระยะเวลาหรือระดับเทคโนโลยีที่เหมาะสม คือ เทคโนโลยีที่สามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการดำเนินกิจการต่าง ๆ และสอดคล้องกับความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ สภาพแวดล้อม วัฒนธรรมสิ่งแวดล้อม และกำลังเศรษฐกิจของคนทั่วไป
ผลกระทบจากการใช้เทคโนโลยี
เทคโนโลยีถูกจำแนกออกมาตามวัตถุประสงค์ของการใช้งาน
ซึ่งจะเห็นได้ว่าในหลายๆครั้งถ้าถูกนำมาใช้ในทางที่ดี
ก็จะเกิดประโยชน์ต่อสังคมแต่ในบางครั้งเทคโนโลยีเหล่านี้ก็ทำให้เกิดปัญหา
ตามมาไม่น้อยเหมือนกัน อยู่ที่การนำไปใช้ ซึ่งส่งผลกระทบดังนี้
ผลกระทบทางสังคม
สำหรับ
ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อสังคมนั้น หากมองในทางที่ดีแล้ว จะพบว่า เทคโนโลยี
ช่วยให้การติดต่อสื่อสาร หรือการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของคนในสังคมใช้เวลาที่รวดเร็ว
บางครั้งไม่ต้องเดินทางข้ามประเทศ เพื่อมาพบกัน
ก็สามารถเจอกันได้ผ่านทางสังคมออนไลน์ อีก ทั้งทำให้เกิดความอิสระในการมีเพื่อนที่มาจากต่างประเทศมากขึ้น
ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนทั้งทางด้านทัศนคติ ความรู้ และวัฒนธรรมต่างๆ
รวมทั้งการแลกเปลี่ยนพัฒนาการทางด้านเทคโนโลยี
ทำให้เกิดคลังความรู้ใหม่ๆ ขึ้นมา
เพราะการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของคนในสังคมเครือข่าย ที่มีการต่อยอดทางความคิด
กันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในหลายๆ ครั้งก็พบว่ามี นวัตกรรมใหม่ๆ
เกิดขึ้นมาจากการคุยกันใน เว็บบอร์ด รวมไปถึงการสร้างพลังทางสังคมที่มากขึ้น
โดยจะเห็นได้จากเมื่อใดก็ตามที่สังคมเกิดปัญหาขึ้น ก็จะมีการวิพากษ์วิจารณ์
แสดงความคิดเห็น หาทางออกให้กับปัญหาต่างๆ โดยมีคนเข้ามามีส่วนร่วมเป็นจำนวนมาก
ซึ่งการรวมกลุ่มทางสังคมนี้ขึ้นมา ก็ทำให้เกิดพลังในการขับเคลื่อน
และปรับปรุงประเทศต่อไป พร้อมทั้งยังมีการนำเทคโนโลยีมาใช้การพัฒนาศักยภาพทางด้านต่างๆแต่ ในอีกมุมหนึ่ง
จะพบว่าความสัมพันธ์ของคนที่ใช้เทคโนโลยีนี้ เป็นความสัมพันธ์แบบฉาบฉวย
ไม่ได้มีการติดต่อสื่อสารแบบเผชิญหน้ากันอย่างแท้จริง บางคนต้องการเพียงแค่เก็บจำนวนเพื่อนให้เยอะๆ เฉยๆ
เพื่อนที่อยู่ในสังคมนี้จึงไม่ค่อยมีความสำคัญเท่าไรนัก นอกจากนี้
ข้อมูลส่วนตัวที่อยู่ในสังคมเครือข่าย ก็บอกไม่ได้ว่าเป็นข้อมูลที่ถูกต้องหรือไม่
ทำให้ถูกมองว่าเป็นสังคมแห่งความหลอกลวง และไม่จริงใจ
การที่ไม่ต้องเห็นหน้าในการสื่อสารกัน ทำให้ในหลายๆ
ครั้งผู้ใช้เองก็ขาดสติ และศีลธรรม และนำพฤติกรรมทางด้านลบที่ตัวเองอยากทำ
แต่ไม่ได้ทำในโลกของความเป็นจริงมาใช้ในโลกของไซเบอร์
โดยมักใช้ข้อความในการดูหมิ่น ถากถาง หรือการ โพส์ต
รูปที่ค่อนข้างอนาจารทำให้ในหลายๆ ครั้งสังคมเครือข่าย
กลายเป็นแหล่งรวมของกลุ่มคนที่เป็นปัญหาทางสังคม และในท้ายที่สุด หลายๆ กรณี
ก็ทำให้เกิดปัญหาทางด้านกฎหมายตามมาอีกมากมาย
อย่างที่เรามักจะพบเห็นในหน้าหนังสือพิมพ์อยู่ทุกวัน
และที่เลวร้ายไปกว่านั้น ก็คือบ่อยครั้งที่ผู้ใช้เอง มักถูกล่อลวงจากการรู้เท่าไม่ถึงการณ์
โดยไปหลงเชื่อข้อความที่อยู่ในเครือข่ายนั้น และโดนหลอกลวงไปทำมิดีมิร้ายต่างๆ
เช่น ถูกหลอกไปข่มขืน ทำร้ายร่างกาย หรือทำให้เสียชีวิต
ซึ่งกลายเป็นว่าสังคมเครือข่ายเป็นต้นเหตุ ที่ทำให้เกิดคดีต่างๆ เพิ่มมากขึ้น
ดังนั้น จะเห็นได้ว่าสังคมเครือข่ายแม้จะเป็นเทคโนโลยีใหม่
ที่ก้าวเข้ามาในโลกไม่นานนัก แต่ก็ส่งผลต่อสังคมสูงมาก และถ้าองค์กรทางภาครัฐ
หรือองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการดูแลทางด้านสังคมไม่ได้ระวังตัว
ก็จะทำให้สังคมของตัวเองต้องตกเป็นเหยื่อของเทคโนโลยีนี้ก็ได้ ทั้งยังมีการใช้เครื่องจักรในโรงงานแทนแรงงานคนมากขึ้นทำให้คนตกงานมากขึ้น
ผลกระทบด้านเศรษฐกิจ
เทคโนโลยีสารสนเทศด้านสังคมเครือข่ายเป็นช่องทางในการหาข้อมูล
หรือทำธุรกิจที่มีราคาถูกมาก โดยในปัจจุบันบริษัทต่างๆ
ก็หันมาโฆษณาผ่านทางสังคมเครือข่ายมากขึ้น เพราะไม่เสียค่าใช้จ่าย
และได้ผลรวดเร็วต่อการสื่อสารให้คนอื่นๆ ได้รับทราบ
ไม่ว่าจะเป็นการสร้างหน้าเครือข่ายไว้ที่ Facebook เพื่อประชาสัมพันธ์ และรับความคิดเห็นของลูกค้า หรือการนำโฆษณาของตนเองไป
โพส์ต ไว้ที่ Youtube ซึ่งก็กลายเป็นช่องทางที่ทำให้คนเข้ามาดูมากกว่าช่องทางที่เป็นโทรทัศน์หรือวิทยุ
ซึ่งนี่เป็นอีกหนึ่งโอกาสสำหรับองค์กรต่างๆ
ที่สามารถเก็บข้อมูล ความสนใจ และความต้องการของผู้บริโภคได้ตรง
นอกจากนี้
การร่วมด้วยช่วยกันคิดผ่านสังคมเครือข่าย ก็ทำให้เกิดมุมมองต่างๆ เพิ่มมากขึ้น
มีความคิดเห็นที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น จนทำให้เกิดเป็นนวัตกรรมใหม่ๆ ขึ้นมา
และสามารถนำไปใช้ในการประกอบอาชีพ หรือการดำเนินธุรกิจได้เป็นอย่างดี
แต่ในทางกลับกัน
หากผู้ใช้งานเอง ไม่ได้เล็งเห็นถึงประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากการนำเทคโนโลยีนี้
มาใช้แล้วล่ะก็จะกลายเป็นว่าวันๆ เอาแต่เล่น twitter Facebook โพสรูปของตัวเองเรื่อยไป งานการไม่ได้ทำ ทำให้องค์กรไม่ได้รับการพัฒนา
เพราะคนในองค์กรไม่ได้ใส่ใจในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
จะเห็นได้ว่าเทคโนโลยีสารสนเทศด้านสังคมเครือ ข่าย
จึงมีอิทธิพลทั้งทางด้านดี และทางด้านไม่ดีต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจสูงมาก
ซึ่งหากมองเห็นถึงประโยชน์เทคโนโลยีสารสนเทศด้านสังคมเครือข่ายนี้
ก็จะถูกนำมาใช้สร้างเป็นกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนทางธุรกิจได้เป็นอย่างดี
ซึ่งแน่นอนว่า หากผู้ขายสามารถขายสินค้าได้ตรงใจลูกค้ามากยิ่งขึ้น
และตอบรับความต้องการได้อย่างโดนใจแล้วล่ะก็
ก็ย่อมส่งผลในทางที่ดีต่อสภาวะทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างแน่นอน
ผลกระทบทางด้านการเมือง
เทคโนโลยีสารสนเทศด้านสังคมเครือข่าย
ถูกนำมาใช้สร้างอิทธิพลทางการเมืองสูงมาก แต่ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก เท่าไร จนกระทั่ง บารัค โอบามา ชนะการเลือกตั้ง เป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 44 ซึ่ง
เขาเองก็เป็นผู้หนึ่งที่ให้ความสำคัญกับการสร้างเทคโนโลยีสารสนเทศด้านสังคม
เครือข่ายขึ้น และสามารถนำมาใช้ในการหาเสียงได้เป็นอย่างดี
สำหรับในเมืองไทยเอง
ก็มีการสร้างเทคโนโลยีสารสนเทศด้านสังคมเครือข่ายขึ้นเหมือนกัน
อย่างในรัฐบาลของคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นั้น
ก็มองเห็นถึงอิทธิพลจากสังคมเครือข่าย จึงมีการสนับสนุนให้ใช้Facebook และ twitter ใน
การติดต่อสื่อสารกับประชาชน ทั้งจากการนำนโยบายมาสื่อสารให้ประชาชนได้ทราบ
หรือการรับข้อเสนอแนะจากประชาชนก็ตาม และบุคคลที่ได้ชื่อว่า
เป็นอีกผู้หนึ่งที่นิยมชมชอบในการสื่อสารกับประชาชน ด้วยเทคโนโลยีประเภทนี้ ก็คือ
คุณกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งท่านเองก็มี Facebook และ twitterไว้ ใช้ในการติดต่อสื่อสาร ว่าในขณะนี้
รัฐบาลกำลังดำเนินงานเรื่องอะไร มีผลกระทบอะไรบ้าง และต้องการให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมอย่างไร
โดยเปิดรับความคิดเห็นจากในเครือข่าย แน่นอนว่า
ท่านเองก็ได้เข้ามาใช้งานในสังคมเครือข่ายนี้อย่างเป็นประจำทุกวัน
เพราท่านรู้ดีว่ากลุ่มคนในสังคมเครือข่ายนี้
จะมีอิทธิพลต่อการขับเคลื่อนประเทศนั่นเอง
แต่ในทางกลับกัน
แม้ว่าสังคมเครือข่ายจะมีคุณประโยชน์กับภาครัฐก็จริงอยู่
แต่ในบางครั้งก็มีโทษมหันต์เหมือนกัน
เพราะเนื่องจากเป็นสังคมที่ไม่มีการปิดกั้นทางความคิด ทำให้ในหลายๆ
ครั้งมีการโพสกระทู้ที่ล่อแหลมต่อความมั่นคงของชาติ หรือสภาบันพระมหากษัตริย์
ตามที่เคยมีข่าวออกมา ก็ส่งผลกระทบทั้งต่อตัวผู้โพสเอง และเจ้าของที่ให้บริการด้วย
อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศอีกด้วย
ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม
เทคโนโลยีในปัจจุบันมีความต้องการและใช้กันอย่างแพร่หลายซึ่งวัสดุอุปกรณ์
บางประเภทที่ใช้นำมาประกอบเป็นอุปกรณ์ทางเทคโนโลยีนั้นเมื่อหมดอายุการใช้
งานหรือไม่ใช้แล้วยากต่อการกำจัดและวัสดุอุปกรณ์บางชนิดก็มีสารเคมีที่เป็น
อันตรายหลงเหลืออยู่เช่น แบตเตอรี่ ถ่านไฟฉาน
ซึ่งบางครั้งมีการนำมาทิ้งในที่สาธารณะเช่น แม่น้ำ ด้วยความมักงาย
ก็อาจก่อให้เกิดอันตรายได้
แนวทางในการแก้ไขปัญหา
1. แยกขยะที่เป็นวัสดุอุปกรณ์ทางเทคโนโลยีที่อาจก่อให้เกิดอันตราย
แล้วจึงนำไปทิ้งในที่ๆถูกต้อง
2. องค์กร ทางภาครัฐ
หรือองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการดูแลทางด้านสังคมต้องค่อยสอดส่องดูแล
พร้อมทั้งนำเสนอและเตือนภัยที่พบในสังคมนี้ให้ทั่วถึง
เพื่อที่จะไม่ให้สังคมของตัวเองต้องตกเป็นเหยื่อของเทคโนโลยีนี้ได้
3. ผู้ปกครองควรให้คำแนะนำและให้ความรู้ที่ต้องเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีและภัยที่มาจากเทคโนโลยี
4. ควรจะส่งเสริมและผลักดันให้สมาชิกในสังคม
ทำในสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ผิดกฎหมาย ไม่สร้างความเดือดร้อน
และใช้ประโยชน์ของเทคโนโลยีในทางที่สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ขึ้นมามากกว่าทำลาย
สรุป
เมื่อมนุษย์มีสังคมและมีการดำรงชีวิตทำให้เกิดความคิด
เริ่มที่จะเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากการดำเนินชีวิตของตน ทำให้มีการใช้ความคิด
เพื่อพัฒนาสิ่งต่างๆมาใช้ในการแก้ปัญหา
จากเริ่มแรกที่มนุษย์ใช้ความคิดในการแก้ปัญหาเพียงพื้นฐานซึ่งไม่สลับซับ ซ้อนมาก
ยิ่งเมื่อมนุษย์มีการพัฒนารูปแบบของการดำรงชีวิตและความคิดมากยิ่งขึ้นแล้ว
ก็ทำให้มนุษย์รู้จักการคิดที่ซับซ้อนขึ้น เกิดความละเอียด รอบคอบ
เกิดความคิดที่จะสร้างสิ่งที่จะตอบสนองความต้องการในการแก้ปัญหาที่เกี่ยว
กับการดำรงชีวิตขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องไม้ เครื่องมือ หรือกระบวนการต่างๆจึงเกิดขึ้น
เทคโนโลยีเองก็เป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นด้วยพื้นฐานของวิทยาศาสตร์
ซึ้งวิทยาศาสตร์ก็คือ
ความรู้ที่เกิดจากการสังเกตธรรมชาติของมนุษย์และเทคโนโลยีนี้เองที่เข้ามามี
บทบาทต่อการดำเนินชีวิต จึงทำให้การดำเนินชีวิตของมนุษย์เปลี่ยนแปลงไป โดยเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทมากขึ้น
ในปัจจุบันเทคโนโลยีได้กลายเป็นที่สนใจของคนทุกมุมโลก
ทุกสาขาเทคโนโลยีถูกนำมาประยุกต์ใช้ในด้านต่างๆอย่างแพร่หลายไม่ว่าจะเป็น
ด้านการแพทย์ ด้านการเกษตร ด้านการเรียนหรือจะเป็นด้านการสื่อสาร
ที่ล้วนเกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิตในปัจจุบันทั้งสิ้น
1. ข้อเสนอแนะ
เทคโนโลยี มีบทบาทมากในปัจจุบัน
ไม่ว่าจะเป็นการใช้เทคโนโลยีในการทำกิจกรรมประจำวัน ใช้ในด้านการงาน
ในด้านการเพิ่มผลผลิต เพิ่มรายได้
จนเทคโนโลยีเป็นสิ่งที่มนุษย์ขาดไม่ได้ในการดำรงชีวิต อย่างในวันหนึ่งๆนี้ถ้าคุณลองนึกดูให้ดีคุณจะพบว่า
ในการดำรงชีวิตประจำวันของคุณต้องเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีและเมื่อคุณลองมอง
ไปรอบๆตัว
เทคโนโลยี จะอยู่ในสายตาคุณเสมอ
เพราะมนุษย์ได้พัฒนาเทคโนโลยีขึ้นมาในรูปแบบและจำนวนที่มากมาย
แล้วถ้าถามว่าเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าที่สุดและคนทั้งโลกให้ความสำคัญมากที่สุด
ก็คงนี้ไม่พ้น เทคโนโลยีด้านการสื่อสารที่เป็นเครือข่ายครอบคลุมทั้งโลก
ที่ถึงแม้คุณจะอยู่คนละฟากโลกก็สามารถใกล้ชิดกันได้ในเครือข่ายนี้
ซึ้งเป็นเรื่องง่ายแล้วยังสะดวกสบายและยังมีหลากหลายรูปแบบ
เกิดเป็นสังคมเครือข่ายขึ้น การเกิดสังคมเครือข่ายนี้เองทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการดำรงชีวิต
เกิดผลกระทบต่อด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านสังคมที่
มีการแลกเปลี่ยนความรู้และวัฒนธรรมมากขึ้น มีเพื่อนในสังคมเครือมาก
แต่หากมีการรับสิ่งที่ไม่ดีมาใช้ก็จะทำให้เกิดปัญหาได้
หรือเลือกที่จะใช้เทคโนโลยีการสื่อสารที่ไม่เหมาะสมก็ทำให้เกิดปัญหาขึ้นได้
เหมือนกัน เช่น การติดเกมส์ การซื้อสินค้าผิดกฎหมาย
และเนื่องจากเทคโนโลยีเข้าถึงง่ายมีความสะดวกสบายในการใช้
พร้อมทั้งการที่จะควบคุมดูแลก็อาจไม่ทั่วถึงเพราะเทคโนโลยีมีคอบเขตที่กว้าง
ขว้างดังนั้นจึงต้องมีการศึกษาเทคโนโลยีและเลือกใช้อย่างเหมาะสมเพื่อไม่ให้
เกิดปัญหาตามมา
ข้อดี
1. ช่วยส่งเสริมงานค้นคว้าด้านเทคโนโลยี
คอมพิวเตอร์มีส่วนสำคัญในการช่วยให้งานค้นคว้าด้านเทคโนโลยีก้าวหน้าไปไกล มาก เพราะสามารถช่วยงานคำนวณที่ซับซ้อนซึ่งไม่สามารถทำได้มาก่อน ตัวอย่างง่ายๆ เช่น การควบคุมการส่งดาวเทียม การส่งยานอวกาศ การคำนวณออกแบบอาคารหรือโครงสร้างใหญ่ๆ จะทำได้ยากถ้าไม่มีคอมพิวเตอร์ อนึ่ง นักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ และนักเทคโนโลยีปัจจุบันยังสามารถใช้ข้อมูลจากธนาคารข้อมูล (Data Bank) สำหรับอ้างอิงและคิดค้นสร้างงานวิจัยหรืองานค้นคว้าใหม่ๆ ในสาขาของตนเพิ่มได้อีกด้วย งานค้นคว้าวิจัยเหล่านี้ในที่สุดก็กลับมามีผลต่อประชาชนในด้านต่างๆ
2. ช่วยส่งเสริมด้านความสะดวกสบายของมนุษย์
คอมพิวเตอร์สามารถช่วยให้มนุษย์ทำงานต่างๆ ได้อย่างสะดวยสบายมากขึ้น ไม่ว่าจะในสำนักงาน โรงงานอุตสาหกรรม โรงงานผลิตกระแสไฟฟ้า โรงพยาบาล เครื่องบิน รถยนต์ ฯลฯ คอมพิวเตอร์ช่วยจัดลำดับงาน ช่วยพิมพ์ช่วยควบคุมการขึ้นและลงของเครื่องบิน ช่วยควบคุมเครื่องมือต่างๆให้ทำงาน
อย่างเที่ยงตรง และมีประสิทธิภาพ คอมพิวเตอร์ช่วยให้เรามีเวลาพักผ่อนและคลายความเครียดจากการทำงานได้มาก
3. ช่วยส่งเสริมสติปัญญาของมนุษย์
คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือที่ท้าทายปัญญา ความคิดของมนุษย์กล่าวคือ มนุษย์จะเป็นผู้เขียนคำสั่งบงการให้เครื่องทำงานตามที่ต้องการ แม้คอมพิวเตอร์จะทำให้เราคิดคำนวณน้อยลง แต่เราจะต้องใช้ความคิดในการสั่งงาน ในการแก้ปัญหามากขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้ความก้าวหน้าของระบบคอมพิวเตอร์ด้านการศึกษาช่วยให้มนุษย์ได้ศึกษา และเข้าใจวิชาการต่างๆ มากขึ้น ทำให้มนุษย์เข้าใจธรรมชาติและเข้าใจตัวเองมากขึ้นเป็นเงาตามตัว
4. ช่วยส่งเสริมประชาธิปไตย
เมื่อใดที่ครัวเรือนส่วนใหญ่สามารถมีคอมพิวเตอร์ใช้รัฐบาลอาจใช้คอมพิวเตอร์ เป็นเครื่องมือส่งเสริมระบอบประชาธิปไตย เช่น ใช้ส่งข่าวสารของรัฐไปสู่ทุกครอบครัวโดยตรง ใช้รับข้อมูลความคิดเห็นจากประชาชน ประมวลผลข้อมูลที่ได้รับเพื่อให้ได้ข้อสนเทศที่เกิดประโยชน์ต่อการตัดสินใจ ของรัฐบาล และจัดทำสถิติข้อมูลต่างๆ อย่างรวดเร็วเพื่อดำเนินงานตามความต้องการของประชาชนได้ทัน ในขณะนี้แม้จะยังไม่มีคอมพิวเตอร์ใช้ในทุกครัวเรือน แต่ได้ใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการนับคะแนนเสียงเลือกตั้ง ทำให้ผู้ออกเสียงลงคะแนนทราบผลการลงคะแนนอย่างรวดเร็ว
5. ช่วยส่งเสริมสุขภาพ
คอมพิวเตอร์ช่วยให้งานค้นคว้าทางด้านการแพทย์เจริญรุดหน้าไปมาก ดังจะเห็นว่ามีเครื่องตรวจหัวใจ เครื่องตรวจสมอง เครื่องตรวจสายตาที่ใช้คอมพิวเตอร์ควบคุม เป็นต้น นอกจากงานด้านเครื่องมือแพทย์แล้ว ยังนำมาใช้ช่วยศึกษาสถิติประวัติการรักษาคนไข้ด้วยยาประเภทต่างๆ ว่าได้ผลเสียงเพียงใด ช่วยในด้านการวินิจฉัยโรค และช่วยในการสกัดและป้องกันโรคระบาดด้วย ผลก็คือ ประชาชนจะมีสุขภาพดีและมีชีวิตยืนยาวยิ่งขึ้น
6. ช่วยให้เศรษฐกิจเจริญรุ่งเรือง
การใช้คอมพิวเตอร์ ได้ก่อให้เกิดอุตสาหกรรมใหม่ๆ อีกมากทั้งที่เกี่ยวข้องโดยตรงหรือโดยทางอ้อม อุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับเครื่องคอมพิวเตอร์ เช่น การผลิตการบำรุงรักษาและซ่อมคอมพิวเตอร์เป็นงานที่เกิดขึ้นใหม่ นอกจากนั้นยังมีอาชีพที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์อีกมากมาย เช่น พนักงานคุมคอมพิวเตอร์ นักโปรแกรมคอมพิวเตอร์ นักวิเคราะห์ระบบ เป็นต้น ในด้านการพาณิชย์และธนาคาร การใช้คอมพิวเตอร์ช่วยติดต่อซื้อขายแลกเปลี่ยนสิ่งของต่างๆ ทำให้สามารถดำเนินการได้รวดเร็วมากขึ้น ส่งผลให้ประชาชนมีฐานะและสภาวะความเป็นอยู่ดีขึ้นตามไปด้วย ผลกระทบที่คอมพิวเตอร์มีในทางดีไม่ใช่มีเพียงเท่านั้นเราอาจคิดปลีกย่อยไป ได้อีกมากมายเช่น การใช้คอมพิวเตอร์วิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียม เพื่อช่วยค้นหาทรัพยากรธรรมชาติ ค้นหาแหล่งน้ำ ป้องกันการบุกรุกป่า เป็นต้น
ข้อเสีย
เมื่อย้อนกลับไปในทางที่เป็นลบบ้าง เราจะเห็นว่าคอมพิวเตอร์อาจมีผลกระทบต่อสังคมได้เช่นเดียวกัน ผลกระทบเหล่านี้ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริง แต่อาจเกิดได้ถ้าหากเราไม่ได้หาทางหลีกเลี่ยงและป้องกันเสียก่อน
1. ทำให้เกิดการวิตกกังวล
ผลกระทบนี้เกิดจากการขาดความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับ คอมพิวเตอร์ เป็นความวิตกกังวลหรือความกลัวว่า เมื่อนำคอมพิวเตอร์ไปใช้ในสำนักงานและโรงงานอุตสาหกรรมแล้วจะทำให้โรงงานปลด คนงานเก่าออกและไม่จ้างคนงานใหม่เข้าทำงานอีกแต่ในความเป็นจริง การนำคอมพิวเตอร์มาใช้นั้นมักจะเน้นในงานที่ซ้ำซาก หรือซับซ้อนและต้องใช้แรงงานคนมาก ไม่ถึงกับต้องการให้ทำแทนคนโดยเด็ดขาด โดยปกติเรามักจะให้ผู้ที่ทำงานอยู่เดิมบางคนเปลี่ยนตำแหน่งไปทำงานหน้าที่ ใหม่ หรือฝึกให้ทำงานกับคอมพิวเตอร์แทน เป็นการทำให้คนงานเหล่านั้นมีความรับผิดชอบมากขั้นและสะดวกสบายมากขึ้น จึงไม่เรียกกว่าเป็นการทำให้คนตกงาน เพราะแม้การใช้คอมพิวเตอร์จะช่วยทุ่นแรงงานคนไปได้มากก็จริง ในขณะเดียวกันก็สร้างงานทางคอมพิวเตอร์ขึ้นจากความต้องการใช้คนที่มีความรู้ ด้านคอมพิวเตอร์อีกมากเป็นการทดแทน ดังนั้นจึงเท่ากับเปลี่ยนลักษณะงานจากการใช้แรงงานเป็นการใช้สมอง การเปลี่ยนแปลงนี้ย่อมมีผลกระทบต่อคนง่นเดิมที่มีการศึกษาน้อยอยู่บ้าง แต่ถ้าคนงานสามารถเรียนรู้และปรับตัวได้ก็จะไม่ประสบปัญหาดังกล่าว อย่างไรก็ตามผลกระทบนี้คงจะเกิดขึ้นไม่นาน เมื่อการศึกษาทางด้านคอมพิวเตอร์และด้านอื่นๆ ขยายตัว หรือถ้าหากหน่วยงานต่างๆ ได้วางแผนการนำคอมพิวเตอร์มาใช้โดยรอบคอบแล้ว ผลกระทบนี้ก็คงจะน้อยลง
2. ทำให้เกิดการเสี่ยงทางด้านธุรกิจ
การนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในงานธุรกิจอย่างเต็มที่เท่ากับเป็นการฝากลม หายใจไว้กับคอมพิวเตอร์ ถ้าหากไม่เก็บรักษาข้อมูลต่างๆ ที่เป็นหัวใจของธุรกิจให้มั่นคงแล้ว บังเอิญข้อมูลนั้นสูญเสียไปด้วยประการใดก็ตาม จะทให้ธุรกิจนั้นถึงกับหายนะได้ แต่ถ้าหากมีการป้องกันข้อมูลต่างๆโดยรอบคอบ เช่น ถ้ามีการทำสำเนาข้อมูลเก็บไว้ต่างหากแล้ว แม้ข้อมูลที่ใช้จะสูญเสียไปก็อาจนำข้อมูลสำรองมาใช้งานได้ อนึ่ง การออกแบบการทำงานที่ใช้คอมพิวเตอร์โดยไม่รอบคอมอาจทำให้ธุรกิจไม่คล่องตัว และเสียเปรียบคู่แข่งขันได้ด้วย
3. ทำให้เกิดอาชญากรรมคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์ทำให้เกิดอาชญากรรมประเภทใหม่ขึ้น คือการขโมยโปรแกรมและข้อมูลไปขายให้คู่แข่งขัน ทำให้คู่แข่งขันได้เปรียบเพราะล่วงรู้ข้อมูลและแผนการทำงานของเราได้ นอกจากนี้ข้อมูลบางอย่างก็เป็นความลับส่วนบุคคลซึ่งถ้าหากถูกขโมยออกไปเปิด เผยอาจทำให้เสื่อมเสียได้ อนึ่งยังอาจมีการแอบใช้คอมพิวเตอร์ลับลอบแก้ไขดัดแปลงตัวเลขในบัญชีของ ธนาคารโดยไม่ถูกต้อง เป็นผลให้กิจการเสียหายได้ อาชญากรรมเหล่านี้จะเกิดขึ้นมากตามการขยายตัวของการประยุกต์ใช้คอมพิวเตอร์ ในอนาคตและจำเป็นต้องมีการศึกษาหาทางป้องกัน
4. ทำให้มนุษยสัมพันธ์เสื่อมถอย
การที่คนเราต้องใช้คอมพิวเตอร์มากขึ้น ใช้เวลาสั่งงานและโต้ตอบกับเครื่องมากขึ้น จะทำให้ความรู้สึกเอาใจเขามาใส่ใจเราลดน้อยลงเพราะการใช้งานคอมพิวเตอร์มี ลักษณะของการสั่งงานข้างเดียวโดยไม่ต้องสนใจว่าเครื่องจะคิดอย่างไร ต่อไปนาน ๆ เข้าคนอาจติดนิสัยในการคิดและการทำงานโดยไม่สนใจความรู้สึกนึกคิดของผู้อื่น และอาจทำให้เกิดปัญหาขัดแย้งทางด้านมนุษยสัมพันธ์ได้ อย่างไรก็ตาม ผลกระทบนี้เป็นเพียงการคาดการณ์เท่านั้นยังไม่แน่ใจว่าจะเกิดจริงหรือไม่
5. ทำให้เกิดอาวุธร้ายแรงชนิดใหม่ ๆ
คอมพิวเตอร์ไม่ใช่แต่จะช่วยในด้านการค้นคว้าวิจัยที่เป็นประโยชน์ต่อมนุษย์ เท่านั้น แต่ยังอาจช่วยให้คนบางกลุ่มนำไปใช้ค้นคว้าหาทางสร้างอาวุธใหม่ ๆ ที่มีอันตรายร้ายแรงมาก ได้ด้วยเช่นกัน
การใช้คอมพิวเตอร์เล่นเกมเป็นเวลานานอาจทำให้เสียสายตา และเกิดปัญหาในเรื่องการเรียน กล่าวโดยสรุปแล้ว คอมพิวเตอร์ก็เปรียบเสมือนเครื่องมือเครื่องใช้อื่น ๆ ซึ่งมีทั้งคุณและโทษแล้วแต่เราจะเลือกใช้ในทางใด ถ้านำไปใช้ในทางที่เป็นภัย เช่นในการทำสงคราม ผลการะทบในทางลบก็มีมาก อย่างไรก็ตามเมื่อมองดูผลกระทบโดยส่วนรวมแล้ว จะเห็นว่าคอมพิวเตอร์มีคุณประโยชน์มากกว่ามีโทษ โลกของเรานี้จะไม่มีทางพัฒนาก้าวหน้ามาสู่ระดับนี้ได้เลยถ้าหากปราศจาก คอมพิวเตอร์เสียแล้ว ในอนาคตที่กำลังจะมาถึงนี้ ตัวเราเองก็จะไม่ประสบความสำเร็จในอาชีพถ้าหากไม่มีความรู้เรื่อง คอมพิวเตอร์




ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น